วันเสาร์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๔๐ น.
นายวรวิทย์ ทองไทยนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้นางสาวศิริรัศสา พันธ์ศรี นักวิชาการศาสนาชำนาญการ พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัด ดำเนินการจัดกิจกรรม “ผู้ว่าฯ พาแต่งผ้าไทย ทำบุญ ใส่บาตรกับช้างทุกวันเสาร์” ณ ลานด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ในการนี้ได้รับความเมตตาจาก พระมหานัย โกวิโท วัดกลางสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายวสันต์ ชิงชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กร นักท่องเที่ยว นักเรียน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม
พระมหานัย โกวิโท วัดกลางสุรินทร์ ได้เมตตากล่าวสัมโมทนียกถา ใจความดังนี้
พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา เพื่อระลึกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยปัจจุบันมีการกล่าวถึงการประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในโลกมนุษย์ สวรรค์ และใต้พิภพ โดยพระเขี้ยวแก้วที่ถูกอัญเชิญจากประเทศจีนมายังประเทศไทย ณ มณฑลท้องพิธีสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมีศรัทธาอันมั่นคงในพระรัตนตรัย นอกจากนี้ การเล่าถึงพระเขี้ยวแก้วยังเชื่อมโยงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เช่น การทำบุญเพื่อบรรลุสู่สุคติภูมิ หรือการเกิดเป็นเทวดา โดยเทวดานั้นจะมีอายุและชีวิตขึ้นอยู่กับบุญที่ทำไว้ ซึ่งหากหมดบุญ หมดอายุ หรือมีความเคืองใจก็อาจจุติ (ตาย) ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการบริโภคอาหารทิพย์ของเทวดา ซึ่งเป็นผลจากบุญที่ได้กระทำไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์
การแสดงธรรมครั้งนี้ ก็เพื่อเตือนสติให้มนุษย์ระลึกถึงการทำความดี ไม่ประมาทในชีวิต และสร้างบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลดีทั้งในชาตินี้และชาติหน้า การรักษาคุณงามความดี และไม่ปล่อยตัวไปตามอำนาจกิเลส หรือความอิจฉาริษยา เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาและปฏิบัติในชีวิตประจำวัน