วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๖.๔๐ น.
นายวรวิทย์ ทองไทยนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้ นางสาวเจนจิรา บุญเย็น นักวิชาการศาสนาชำนาญการการพิเศษ พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัด ดำเนินการจัดกิจกรรม “ผู้ว่าฯ พาแต่งผ้าไทย ทำบุญ ใส่บาตรกับช้างทุกวันเสาร์” ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ในการนี้ได้รับความเมตตาจาก พระครูปริยัติกิจธำรง รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดกลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายวสันต์ ชิงชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กร นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม
พระครูปริยัติกิจธำรง รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ได้เมตตากล่าวสัมโมทนียกถา เรื่อง การพักกายพักใจ โดยใช้หลักอานาปานสติ รายละเอียด ดังนี้
อานาปานสติ เป็นวิธีปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ปรากฏมากที่สุด เพื่อช่วยให้เราปล่อยวางภาระต่าง ๆ ทั้งทางกายและจิตใจ อานาปานสติ คือ การเจริญสติด้วยการพิจารณาลมหายใจเข้า - ออก อย่างมีสติ ทำให้จิตใจสงบ ไม่เกาะเกี่ยวไปกับปัจจัยภายนอก ซึ่งจะทำให้สูญเสียตัวตนของเราไป หากเราเกาะเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกย่อมเป็นทุกข์ โดยมีหลักปฏิบัติ คือ
๑. รู้ลมหายใจยาว คือ หายใจเข้ายาวก็รู้ว่ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าออกยาว มีสติกำกับ โดยอาจใช้คำบริกรรม เช่น “พุท - โธ” เมื่อเรามีใจจดจ่อกับลมหายใจเราก็จะตัดความกังวล มีสติอยู่กับปัจจุบัน หลุดพ้นจากความคิดในอดีตหรืออนาคต ซึ่งช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่ฟุ้งซ่าน
๒. รู้ลมหายใจสั้น คือ หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าสั้น หายใจออกสั้นก็รู้ว่าสั้น เมื่อมีเหตุตื่นเต้น หรือเหตุที่จะทำให้เหนื่อยล้าอ่อนแรง ร่างกายเราก็จะหายใจถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็สามารถกำหนดรู้ และดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้จิตตั้งมั่น สงบ และเย็นลง
อานาปานสติ จึงเป็นอุบายพื้นฐานที่สามารถฝึกได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงพัก ช่วงก่อนนอน หรือนำไปปรับใช้ได้ตลอดเวลา เพื่อปลดเปลื้องภาระทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งบางที่อาจใช้การกำหนด ยุบหนอ พองหนอ อย่างไรก็ตาม ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นอุบาย เพื่อให้จิตสงบ อยู่กับปัจจุบัน เมื่อมีสติสมบูรณ์ก็จะเป็นการดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาทตามหลักพระพุทธศาสนา เราจึงควรที่จะหมั่นฝึกฝนเรียนรู้อยู่กับกาย - ใจ อยู่เป็นประจำ เพื่อเราจะได้เข้าใจชีวิตและความจริงของชีวิตได้ง่ายขึ้น ตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ” บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว ถือเป็นผู้ประเสริฐที่สุด